Friday, October 20, 2006

คำระหว่างอากาศ

2006-10-19




ทะเลที่อยู่ทางด้านหน้า กำลังกระเพื่อมตามแรงลมอย่างเป็นจังหวะ ฝนกระหน่ำลงเป็นสาย--ระยะห่างระหว่างเม็ด ดูกระชั้นแทบจะเรียงติดเป็นเส้นเป็นสายเดียวกัน บรรยากาศโดยรอบในตอนนี้ล้วนแล้วแต่มีสีเทาเป็นส่วนประกอบ--ทะเล ท้องฟ้า รวมถึงทัศนียภาพที่อยู่ไกลออกไป ถูกสายฝนทำให้การรับรู้ภาพของเราพร่ามัว

แน่นอน--องค์ประกอบทั้งหมดย่อมทำให้ภาพที่อยู่เบื้องหน้าในตอนนี้นั้น--ดูหม่นเศร้า

ผมกับเธอ กำลังยืนมองท้องทะเล ชายหาดในวินาทีนี้ปราศจากผู้คน สายฝนร่วงหล่นลงทะเลอย่างเงียบงัน เม็ดต่อเม็ด ครอบคลุมพื้นที่รอบๆ ตัวของเรา

ยังไงก็ตาม

เม็ดฝนที่หล่นลงเป็นสาย ก็ไม่สามารถห่มคลุมความเวิ้งว้าง ว่างเปล่าที่ปกคลุมทั่วท้องทะเลในตอนนี้

ความเวิ้งว้าง ว่างเปล่า ที่ทำให้มนุษย์อย่างเรา--ดูกระจ้อยร่อย

ความเวิ้งว้างแบบนี้แหละ ที่มีประสิทธิภาพทำให้ความทุกข์ที่สุมอยู่ในอก เป็นแค่เพียงผงฝุ่นผงธุลี เพียงเทียบมันกับความเวิ้งว้างว่างเปล่าของทะเลบนโลกใบนี้--ที่มีความเศร้าเคล้ากัน

ความเศร้าที่แอบซ่อนตัวอยู่ในช่องว่างของอากาศระหว่างสายฝน

ความเศร้าและความทุกข์ที่กำลังไหลเวียนอยู่รอบๆ กาย

แน่นอน

มันเป็นมวลสารที่มองไม่เห็น ซึ่งกำลังไหลเวียนอยู่รอบๆ โลกของเรา

ไม่ว่าโลกภายนอกนั้นจะหนาวเหน็บ เปียกแฉะ ไปด้วยสายฝนที่พร่างพรมอยู่ในอากาศ--สักเพียงไหน

หรือแม้แต่ความเศร้า ความทุกข์ นั้นจะเหนอะหนะดวงใจของเรา--สักเท่าใด

ที่มือขวาของผมในตอนนี้กำลังอุ่น อุ่นด้วยอุณหภูมิจากร่างกายและจิตใจของมนุษย์

เธอ--มนุษย์คนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญใดๆ กับคนส่วนใหญ่ที่อยู่บนโลกใบนี้ ที่มือซ้ายของเธอกำลังกำด้ามร่มคันหนึ่ง

และในตอนนี้

มันกำลังอุ่น อุ่นด้วยอุณหภูมิจากมือและหัวใจของผู้ชายคนหนึ่ง

ผู้ชายซึ่งตอนนี้กำลังยืนอยู่เคียงข้างเธอ

ในวินาทีนี้ ใบหน้าของผมและเธอเปียกปอนไปด้วยน้ำฝน ร่างกายของเราเปียกปอนไปด้วยน้ำฝน เนื่องด้วยศักยภาพของร่มไม่อาจทานทนต่อศักยภาพของลมและฝน ที่กำลังห่มคลุมความหนาวเย็นยะเยือกไว้ถ้วนทั่วร่างกายของเรา และบางส่วนของท้องทะเลกว้างทางด้านหน้า

ไม่เคยมีสิ่งใดสมบูรณ์แบบ

ร่มที่อยู่ในมือ ตัวผม รวมถึงเธอ ล้วนแล้วแต่มีข้อบกพร่อง มีด้านที่อ่อนแอ และมีด้านที่เปราะบาง

เปรียบเสมือน จิ๊กซอว์ชิ้นเล็กๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นภาพใหญ่ของโลกใบนี้ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้มันจึงกลายเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ที่บอกไม่ได้ว่าแท้จริงนั้น มันเป็นส่วนเสี้ยวของภาพใดกัน

แต่ถึงกระนั้น

เราทั้งสองก็ยังยืนอยู่อย่างแน่นิ่งไม่หวั่นไหวต่อบรรยากาศหนาวยะเยือกที่อบอวลผสมผสานกับมวลสารของความทุกข์รอบๆ ตัว ดั่งงานประติมากรรมที่ถูกสลักเสลาขึ้นจากกาลเวลา--เนิบนาบ เชื่องช้า และหม่นเศร้า

มีบางสิ่งกำลังเคลื่อนผ่านเราไปอย่างช้าๆ วินาทีต่อวินาที

หนึ่งลมหายใจเข้ากับหนึ่งลมหายใจออก

หนึ่งห้วงของสายลมจากท้องทะเล

กับหนึ่งเสียงคลื่นกระทบฝั่ง

…..

หนึ่งเสียงเต้นของหัวใจผู้ชาย--คนหนึ่ง

กับหนึ่งเสียงเต้นในหัวใจของผู้หญิง--อีกคน

…..

ในยามที่ร่มไม่อาจทำหน้าที่กันฝนได้อย่างสมบูรณ์นั้น ยังควรค่าแก่การที่จะเรียกมันว่า "ร่ม" อีกหรือไม่?

ในยามที่ชีวิตมนุษย์ ไม่สามารถขับเคลื่อนลมหายใจไปตามชีวิตในอุดมคติ--ที่ดีงามและสมบูรณ์แบบได้ มนุษย์ยังควรค่าแก่การที่ถูกเรียกว่า "มนุษย์" อีกหรือเปล่า?

ในบางวินาที ในบางขณะ ในบางจังหวะของชีวิต

ทุกคำถามที่มีอยู่บนโลกอาจจะเป็นเพียงแค่ถ้อยคำเปลืองโลก--ไร้ซึ่งความหมายใดๆ

…..

เหมือนดังเช่นตอนนี้ ที่สายฝนกำลังโปรยหล่นเป็นสายลงบนท้องทะเลที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเงียบงัน และโลกรอบๆ กายก็บรรจุความหนาวเย็นของอากาศเอาไว้เต็มปรี่

สำหรับผมนั้น

โลกในขณะนี้ เป็นโลกที่ไม่ต้องใช้ถ้อยคำใดๆ มาอธิบาย เป็นโลกที่ปราศจากความหมาย--โลกที่เราไม่ต้องเสียเวลามานั่งตีความ

คลื่นที่อยู่ทางด้านหน้ายังคงกระทบฝั่งอย่างเป็นจังหวะ สอดประสานกับเสียงจากลมหายใจเข้าออก เหมือนดนตรีที่มีห้วงทำนองหนืดเนือย

วินาทีนี้เอง

ผมค่อยๆ บีบมืออุ่นของเธอ--มนุษย์ที่กำลังดำรงอยู่บนโลกใบนี้ เธอเป็นสิ่งเดียวในขณะนี้ ที่สามารถใช้ "คำ" นิยามการมีตัวตน และตอนนี้เธอกำลังยืนกินพื้นที่ว่างอยู่บนโลก ในระยะที่ใกล้ตัวผมมากที่สุด

ทีละนิด อย่างช้าๆ ช้าๆ

เธอหันมามองผม แล้วความสุขก็เล็ดลอดออกมาจากรอยยิ้มนั้น เคลื่อนที่ปะปนกับความทุกข์ที่กำลังรายล้อมอยู่ในบรรยากาศ

ในวินาทีนี้เองเช่นกัน ผมโน้มตัวลงกระซิบที่ข้างหูเธออย่างแผ่วเบา

ระลอกของคลื่นถ้อยคำทยอยออกจากปาก ผ่านบรรยากาศของโลก เข้าไปที่หู จากหูชั้นนอกสู่หูชั้นกลาง จากหูชั้นกลาง สู่หูชั้นใน แล้วเคลื่อนที่ไปที่สมอง แปลความสั่นสะเทือนของถ้อยคำเหล่านั้น ให้มี 'ความหมาย'

แล้ว 'ความหมาย' ก็สั่นไหวกลายเป็นระลอกคลื่นความรู้สึก กระเพื่อมต่อไปที่ปลายทางสุดท้าย--หัวใจ ที่ซึ่งทุกความหมาย ทุกเหตุผล ทุกตรรกกะ ที่มีอยู่บนโลกนั้น--หยุดสั่นไหว

ผมไม่แน่ใจว่าความเศร้าและความทุกข์ที่อยู่รอบตัวในตอนนี้จะปนเปื้อนไปกับถ้อยคำเหล่านั้น มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ผมมั่นใจมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ ความสั่นสะเทือนของระลอกคลื่นของถ้อยคำเหล่านั้น ไม่สามารถทำให้โลกที่อยู่ภายนอกนั้นสั่นไหวได้เลย--ไม่เลยแม้แต่เพียงนิดเดียว

เมื่อคลื่นถ้อยคำเหล่านั้นเริ่มอ่อนแรงกระเพื่อมกลายเป็นเนื้อเดียวกับบรรยากาศของโลกที่อยู่ภายนอก

ร่ม--คันนั้น--ก็ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากมือ ไปตามแรงของลม

หมุนและลอยคว้างอยู่กลางอากาศของทะเลว้างด้านหน้า กลายเป็นจุดเล็กๆ ในเฟรมผ้าใบผืนใหญ่ที่เรียกว่า 'โลก' ก่อนที่จะหายลับไปกับตา

วินาทีนี้ เมื่อไม่มีใครสามารถรับรู้การมีอยู่ในโลก คำถามเรื่องควรค่าต่อการเป็น 'ร่ม' หรือไม่นั้น จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ

เมื่อไม่มีอยู่ ก็ไม่ต้องถูกใครตั้งคำถาม

เมื่อไม่มีคำถาม ก็ไม่ต้องใช้ความคิด
เมื่อปราศจากความคิด ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำ
เมื่อปราศจากถ้อยคำ ความหมายใดๆ บนโลกเล่า
จะมีภาชนะบรรจุ

แน่นอน เม็ดฝนย่อมปฎิบัติตามหน้าที่ตามธรรมชาติของมันได้อย่างสมบูรณ์--ยอดเยี่ยม ไร้ที่ติ

เมื่อปราศจากร่ม--คันนั้น ที่ลอยหายวับไปในทะเลกว้างทางด้านหน้า ร่างกายของเราย่อมเปียกปอนและฉ่ำชื้นไปด้วยฝน

ในวินาทีที่แสนจะหนาวเย็นและมวลอากาศรอบตัวรายล้อมไปด้วยความเว้ิงว้าง กว้างใหญ่ เหมือนเช่นตอนนี้--เรายังคงยืนกุมมือกันเอาไว้อย่างแนบแน่น

และไม่มีคนบนโลกนี้สามารถล่วงรู้ได้ว่า

ในวินาทีที่ผ่านมานั้น

ถ้อยคำใดกันหนอที่อยู่ในอากาศ--ระหว่างเรา

+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:++:+:+:+:+:+:+
Books bought:
-ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์--พุทธทาส
-ตั้มกับญี่ปุ่น--วืศุทธิ์ พรนิมิตร
-นอนใต้ละอองหนาว--ปราบดา หยุ่น
-อเมริกากำเนิดอดัม--เคิร์ต วอนเนกัต(Kurt Vonnegut) แปลโดย วิมล กุณราชา

Books read:
-ทฤษฎีไร้ระเบียบ(Introducing Chaos)--Ziauddin Sardar แปลโดย เมธาวี เลิศรัตนา
-อเมริกากำเนิดอดัม--เคิร์ต วอนเนกัต(Kurt Vonnegut) แปลโดย วิมล กุณราชา

1 comment:

the aesthetics of loneliness said...

มันเป็นมวลสารที่มองไม่เห็น ซึ่งกำลังไหลเวียนอยู่รอบๆ โลกของเรา
+
ในวินาทีที่ผ่านมานั้น ถ้อยคำใดกันหนอที่อยู่ในอากาศ--ระหว่างเรา
=
มันคือ Ether มันคือสิ่งที่ไม่มีอยู่ แต่กลับต้องมีอยู่ เพียงเพื่อช่วยยืนยันความมีอยู่ของสิ่งอื่น