Saturday, December 02, 2006

จดหมายถึงคุณ

2006-12-02


ในฤดูหนาวช่วงปี พ.ศ. 2536 เพลง My Girl เคยกระจายเสียงผ่านลำโพงนี้-ทุกเช้า


ถึงคุณ ที่คิดถึง

ตอนสายวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2549 เวลา 10 นาฬิกา 25 นาที ที่นอกหน้าต่าง ต้นไม้ที่อยู่ข้างบ้านไม่ไหวติง แสงอาทิตย์กำลังฉาบแสงอยู่ที่พื้นห้องข้างๆ หน้าต่าง--ทิศทางของแสงแบบนี้แสดงว่า วงโคจรของมันอยู่ในตำแหน่งที่(อาจจะ)พูดได้ว่าย่างเข้าฤดูหนาวแล้ว แต่สายนี้ไม่มีลมเหนือพัดผ่านมาเลย--ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว

ล่วงเลยมาจนป่านนี้ คุณน่าจะเดินทางมาถึงแล้ว ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนหนอ?
เสียงเพลง My Girl ในห้องผมกำลังดังคลอรอคุณอยู่ รู้ไหมสำหรับผมแล้วเพลงนี้เป็นของคุณ มันเป็นเพลงของฤดูหนาว-แม้ว่าคนอื่นอาจจะไม่คิดเช่นนั้น ไม่เป็นไรสิ่งนั้นไม่สำคัญอะไร

เหมือนความอุ่นของตะวันในวันที่มีเมฆหมอก
เหมือนด้านนอกทีี่หนาวเหน็บ
แต่ฉันกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นในเดือนพฤษภา
ฉันเดาว่าคุณต้องพูด
"อะไรที่ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงเช่นนั้น"
ที่รัก นั่นฉันกำลังพูดถึงคุณอยู่

เมื่อสมัยที่ผมยังเด็ก การมาเยือนของคุณทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นเสมอ คุณทำให้การอาบน้ำตอนเช้าตรู่เป็นเรื่องยากลำบาก แต่มันก็ท้าทายความสามารถของเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คุณทำให้ผมใส่แจ็คเก๊ต และผ้าพันคอ เหมือนไอ้มดแดงหรือยอดมนุษย์ไฟฟ้า ไปโรงเรียนเล่นกับเพื่อนได้--โดยมีเหตุผลที่เหมาะสมรองรับ คุณทำให้หมอกปกคลุมกรุงเทพฯในยามเช้าของวันใหม่--หมอกที่ทำให้ทุกอย่างรอบๆ ตัวดูขมุกขมัวเหมือนอยู่ในความฝัน

กรุงเทพฯ เคยมีอุณหภูมิต่ำสุดในช่วงหน้าหนาวอยู่ที่ประมาณ 14 องศาเซลเซียส ผมยังจำได้ดีตอนนั้นผมเรียนหนังสืออยู่ชั้น ป.3 ความหนาวเป็นเรื่องของความสนุก เพราะเราสามารถวิ่งเล่นในตอนเช้าก่อนเข้าเรียนได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย-วัยเด็กของผมนั้นรู้สึกดีๆ และประทับใจในตัวคุณอยู่ไม่น้อย

ผมว่าเด็กผู้ชายทุกคนต้องเคยเป็นแบบผมคือ จะมีช่วงนึงที่คิดอยากลองดีกับคุณ คุณเป็นเงื่อนไขในการทดสอบความเข้มแข็งของชายชาตรี การใส่เสื้อกันหนาวไปโรงเรียนเป็นจึงเรื่องน่าอาย--อย่างมากที่สุดพวกผมกับเพื่อนก็แค่ใส่เสื้อยืดคอกลมไว้ข้างในเสื้อนักเรียน แล้วก็แสร้งทำเป็นพูดว่าไม่หนาวเลยซักนิด ^_^ พอมาถึงวันนี้นั่งคิดถึงมันแล้ว ผมก็ยังรู้สึกขำอยู่เลย

เหมือนได้รับความหอมหวานที่แม้แต่ผึ้งเองก็ยังอิจฉา
เหมือนบทเพลงที่แสนไพเราะกว่าเสียงของนกที่อยู่บนต้นไม้
ฉันเดาว่าคุณต้องพูด
"อะไรที่ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงเช่นนั้น"
ที่รัก นั่นฉันกำลังพูดถึงคุณอยู่

ผมมานั่งนึกดูว่าอะไรที่ทำให้ เพลง My Girl นั้นสัมพันธ์แนบแน่นกับคุณ อาจจะเป็นได้ว่าตอนสมัยที่ผมเรียนอยู่ชั้นมอปลาย ในหน้าหนาวของปีหนึ่ง(ไม่มอห้าก็มอหก) ผมต้องไปจัดรายการวิทยุเสียงตามสายของโรงเรียนแทนเพื่อนสนิท เพลง My Girl คือเพลงที่ผมใช้เปิดทุกเช้าในช่วงนั้น(โดยหวังว่าผู้หญิงที่ผมชอบจะได้ยินมัน) มันเป็นเพลงแรกของวันใหม่ เพราะฉะนั้นในความทรงจำของผม My Girl จึงเป็นเพลงของฤดูหนาว ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นเพลงของคุณด้วย

ฉันไม่ต้องการทั้งเงินทอง ทรัพย์สมบัติ หรือแม้กระทั้งชื่อเสียง
เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกมั่งคั่ง เท่าที่คนๆ หนึ่งจะรู้สึกถึงมันได้
ฉันเดาว่าคุณต้องพูด
"อะไรที่ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงเช่นนั้น"
ที่รัก นั่นฉันกำลังพูดถึงคุณอยู่

เมื่อเช้าวานนี้กรุงเทพฯ มีฝนตกลงมา รุ่นพี่ที่ออฟฟิศมองออกข้างนอกหน้าต่าง แล้วหันมาโวยวายว่า "เป็นไปได้ยังไงว่ะ December rain เนี่ยนะ เคยได้ยินแต่ November rain ตอนนี้มันควรจะหนาวแล้วโว้ยไม่ใช่ฝนตก" แล้วก็หัวเราะร่วน จากนั้นพวกเพื่อนๆ ผมก็จับกลุ่มคุยกัน เพื่อนผมคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เมื่อเช้าฟังข่าวเขาบอกว่า นับแต่นี้ไปกรุงเทพฯจะไม่มีฤดูหนาว--นั่นหมายความว่าคุณจะไม่กลับมาเยี่ยมเยียนกรุงเทพฯอีกแล้ว ไม่อีกตลอดไปนับจากนี้ ผมไม่แน่ใจว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร ข่าวนี้ทำให้ผมรู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อย

ด้วยเหตุนี้ เช้านี้ผมจึงตัดสินใจเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงคุณ ผมรู้ว่าพวกเราทำผิดกับคุณไว้ไม่ใช่น้อย ไม่แปลกใจเลยที่คุณจะไม่มาเยี่ยมเยียนพวกเราอีก นับแต่วันนี้ผมก็หวังแต่ว่าพวกเราจะทำให้มันดีขึ้น และเมื่อทุกอย่างดีขึ้น ถ้าวันนั้นมีจริง ผมคงได้พบกับคุณอีก และเมื่อวันนั้นมาถึงผมจะเปิดเพลง My Girl ให้คุณฟังเหมือนเช่นเคย--เพราะสำหรับผมมันเป็นเพลงของคุณ ถึงแม้ว่าคนอื่นจะไม่คิดเช่นนั้นเลย

ฉันไม่ต้องการทั้งเงินทอง ทรัพย์สมบัติ หรือแม้กระทั้งชื่อเสียง
เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกมั่งคั่ง เท่าที่คนๆ หนึ่งจะรู้สึกถึงมันได้
ฉันเดาว่าคุณต้องพูด
"อะไรที่ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงเช่นนั้น"
ที่รัก นั่นฉันกำลังพูดถึงคุณอยู่

คุณนั่นไง--ฤดูหนาว

หวังว่าคงจะได้พบคุณอีกในไม่ช้า
จาก
ผม--คนที่กำลังรอคอยคุณอยู่ที่นี่
ที่กรุงเทพฯ

+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+



+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+


My Girl (1965)--The Temptations

+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+
Book bought:
-
Book read:
-Bergsonism--Gilles Deleuze

2 comments:

the aesthetics of loneliness said...

คนเรามีระบบคิดแบบเหตุ-ผล และแบบมีเงื่อนไข เหมือนหมาในการทดลองของพาฟลอฟเลยเนอะ ที่พอหมาได้ยินเสียงกระดิ่ง แล้วจะน้ำลายไหลอ่ะ พอได้ยินเพลง my girl พี่นึกถึงหนังที่แมคคอลีย์ คัลกิ้น เล่นอ่ะ แล้วนึกถึงภาพชีวิตในมหาลัย ประมาณปี 2-3 ช่วงที่หนังเรื่องนี้เข้าพอดี อยากจีบสาวแล้วพาไปดูหนังเรื่องนี้ที่โรงแมคเคนน่าชะมัดเลย สงสัยว่าเราถูกวางเงื่อนไขมาแตกต่างกัน พี่เลยไม่ได้คิดถึงหน้าหนาว

Anonymous said...

สมัยที่เราอยู่เมืองเลย ต้องบอกว่าคุณคนนี้แก คูล...มาก แม่เคยเอาตั้วเรายัดเข้าไปในเสื้อผ้าหนาตั้ง4-5 ชั้น จนเราตัวกลมบ๊อก เหมือนตุ๊กตาล้มลุกของญี่ปุ่น แล้วเราก็ล้มจริงๆ ล้มบนบ้านเรือนไทยนี่แหละ กลิ้งโค่โร่ลงมาจากบันได เกือบ 10 ขั้น แปลกจังเราไม่เจ็บสักนิด ไม่รู้ว่าเป้นเพราะชุดที่แม่ออกแบบให้ หรือว่าตอนนั้นเรายังเด็กยังเรียนรู้กับคำว่าเจ็บไม่ดีพอ เพราะต่อมายิ่งเราโตขึ้น เรากลับรู้สึกว่าเจ็บง่าย แค่ใครพูดอะไรไม่ถูกใจหน่อยเราก็เจ็บ หรือใครที่สลัดรักเราทิ้งไปเราก็เจ็บแปลบลึกๆ ถึงกลางใจทุกที ทุกวันนี้เวลาที่เราเจ็บเราพยายามควานหาเสื้อผ้าชุดเก่าๆ ที่เคยช่วยป้องกันเราไม่ให้เจ็บปวดจนเกินไป แต่เราก็หามันไม่เจอแล้ว
แต่กลับคุณ...ยิ่งโตเรากลับยิ่งรู้สึกว่าคุณอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ เรารู้สึกโรแมนติกทุกครั้งที่คุณมาเยือน เหมือนคุณหอบเอาเพื่อนที่ชื่อ เลิฟ ติดมาฝาก
อ้าว...แล้วใครปากพล่อยมาบอกว่าต่อไปนี้คุณจะไม่มาหาเราล่ะ เราไม่เชื่อๆ แต่...ถ้าเกิดคุณไม่มาจริงๆ เราว่าหลายคนในโลกนี้คงจะหนาวแน่ๆ หนาวกว่าที่เคยคาดคิดไว้ แต่เรายังไม่หมดหวังใช่ไหมนี่เพิ่งจะเดือนธันวาคม ยังไงเราก็จะรอนะ และคิดว่าคุณไม่ลืมกัน
(ฟังMy Girlทีไรก็นึกถึง มุ่ยฮั้ว แฟนเก่าที่เคยขี่สามล้อตอนอยู่อนุบาลทุกที