Saturday, January 13, 2007

Blog Tag

2007-01-13

สาเหตุอันเนื่องมาจาก
http://theaestheticsofloneliness.blogspot.com/2007/01/blog-tag.html

ที่ส่งต่อมาโดยพี่อ๋อง ^_^
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เริ่มเลยดีกว่า


+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+

1.เกี่ยวกับจักรยาน--สมัยเด็กๆ (ตอนนั้นน่าจะประมาณป.3) ตอนที่กำลังเห่อจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ ที่แม่ซื้อให้ ปั่นไปไหนต่อไหนกับเพื่อนๆ และรุ่นพี่ที่อยู่ในซอยเดียวกันตลอดทั้งวันในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ด้วยความฮึกเฮิมทะเยอทะยานอยากเดินทางไกล ของแก๊งค์เรา(มีประมาณ 6-8 คน มีผมในตอนนั้นที่อายุน้อยที่สุดในแก๊ง คนที่อายุมากที่สุดอยู่ชั้นมอสี่) เกิดไอเดียว่าเราน่าจะปั่นจักรยานไปเที่ยวทะเลกัน(ปั่นจากแถวๆ เอกมัยไปบางแสน) น่าสนุกๆ ผมรีบปั่นจักรยานไปบอกแม่เกี่ยวกับไอเดียที่ว่านี้ แต่แม่ไม่อนุญาต "บ้าหรือมันไม่ได้ใกล้ๆนะ" แม่ผมพูดอย่างนั้น(แม่ผมพูดถูก มันไม่ได้ใกล้ๆจริงๆ) ทริปนี้เลยมีผมคนเดียวที่ไม่ได้ไป สองวันต่อมาพอชาวแก๊งกลับมา ด้วยสภาพผิวที่ดำคล้ำเพราะตากแดด พร้อมกับเรื่องเล่าสนุกสนานมากมาย เพื่อนเล่าให้ฟังว่าเดินทางตอนเช้าไปถึงบางแสนก็เย็นแล้วนอนค้างที่ริมหาดหนึ่งคืน จากนั้นก็ปั่นกลับมาใช้เวลาสองวันเต็มๆ ทุกวันนี้เวลาที่ผมต้องเดินทางผ่านถนนสายบางนาตราด (เพื่อไปบางแสน--เดี๋ยวนี้เวลาไปบางแสนบางทีเราก็ไม่จำเป็นต้องไปเส้นนี้แล้ว) ผมมักคิดถึงเรื่องราวในทริปนั้นของเพื่อนๆ ด้วยความรู้สึกทึ่งว่าพวกมันทำกันได้ยังไงว่ะ--ถึงแม้ว่าตอนนี้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อรถจักรยานยังไม่เคยหมดไป เพราะรู้สึกว่ามันเป็นยานพาหนะที่เรียบง่าย สมถะ แล้วก็ไม่ค่อยเป็นพิษเป็นภัยกับโลกดี (ตนนั้นแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ^_^)


ภาพของคุณลุงที่ปั่นจักรยานมานั่งเล่นที่ริมแม่น้ำกาโม่ในเกียวโต

+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+

2. เกี่ยวกับนักเขียน--มิลาน คุนเดอรา คือนักเขียนที่ผมชื่นชอบมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเทคนิคในการนำเสนอเรื่องราว หรือความละเอียดอ่อนในการมองชีวิตมองโลก หรือแม้กระทั้งมุมมองแบบนักวิชาการที่แสนฉลาดล้ำ--จนน่าหมั่นไส้ (อ่านหนังสือที่เขาเขียนแล้วรู้สึกว่ามึงคิดอะไรแบบนี้อยู่ตลอดเวลาได้ยังไงว่ะ) งานเขียนของเขากระโดดไปกระโดดมาอยู่บนสองฝั่งตลอด ระหว่างบทความทางวิชาการกับนิยาย ซึ่งผมชอบความคลุมเคลือแบบนี้ในงานเขียนของเขามากๆ (ตอนนี้ก็ลุ้นอยู่ทุกปี--อยากให้เขาได้รางวัลโนเบลจัง ^_^)



+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+

3. เกี่ยวกับการเขียนและการวาด(การ์ตูน)--สมัยที่เรียนหนังสืออยู่ชั้นปอสี่ คุณครูประจำชั้นของผม 'มิสหม่อม' (ที่เรียกว่ามิสหม่อมก็เพราะ เคยได้ยินมาว่าแกมีเชื้อเจ้า--เสียดายที่ตอนนี้ผมลืมชื่อจริงของแกไปแล้ว :P) แกเป็นหญิงสูงอายุผมสีขาวซอยสั้นๆ ดูมีอายุ หน้าตาดุ(มากๆ) แต่ใจดีชอบใส่เสื้อสีขาวเรียบๆและกระโปรงสีดำมาสอนหนังสือทุกวัน แกเป็นมนุษย์คนแรกๆ ที่ติดตามงานเขียนหนังสือและการ์ตูนของผมแบบวันต่อวัน ^_^ มีครั้งนึงผมเคยถูกแกจับได้ ในขณะที่แกกำลังสอนหนังสืออยู่นั่น ผมเองกับง่วนอยู่กับการพยายามเปลี่ยนการ์ตูนเรื่อง 'วิงแมน' ที่ได้อ่านเมือคืนให้เป็นนิยายที่มีแต่ตัวหนังสือ แกหยิบสมุดที่ผมเขียนไปอ่าน แล้วพูดว่าอยากเขียนก็เขียนได้แต่ไม่ควรเขียนในเวลาเรียน เอาอย่างนี้แล้วกันเธออยากจะเขียนอะไรก็เขียนมา แล้วตอนเช้ามาวางไว้ที่โต๊ะครูให้ครูอ่าน อยากเขียนก็เขียนได้แต่ห้ามเขียนหนังสือผิด เดี๋ยวครูจะช่วยตรวจให้ หลังจากนั้นทุกๆ เช้าผมก็จะเอาสิ่งที่ผมเขียนที่บ้านทุกคืนไปวางที่โต๊ะแก ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนหรือว่านิยายเกี่ยวกับยอดมนุษย์ พอตกเย็นแกก็จะเอามาคืนให้ผมพร้อมกับคำผิดที่แกแก้ให้ด้วยหมึกแดง หลังๆแกเขียนวิจารณ์เล็กๆน้อยเกี่ยวกับเนื้อเรื่องด้วย ดูจากอายุของแกในเวลานั้นและกาลเวลาที่ล่วงเลยผ่านพ้นไป คิดว่าเวลานี้แกน่าจะไม่อยู่บนโลกแล้ว ถ้าโลกที่อยู่ที่ด้านบนมีจริง ตอนนี้แกน่าจะอยู่ในที่ที่มีคนนิสัยดีๆ มาอยู่รวมกัน ^_^

+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+

4. เกี่ยวกับหนัง(เขียนตอบพี่อ๋องเลยต้องเขียนเกี่ยวกับหนังเสียหน่อย ^_^ )--ต้องออกตัวก่อนว่าไม่ใช่เซียนหนังนะ ดูหนังไม่ค่อยบ่อยที่เฮ้าส์หรือลิโด้ก็ไม่ค่อยได้ไป (รู้จักหนังน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ) หนังที่ผมชอบมากๆ คือ หนังญี่ปุ่นเรื่อง The Taste of Tea ของผู้กำกับชื่อ Katsuhito Ishii ดูมาตั้งแต่สองปีที่แล้วตอนนี้ก็ยังชอบอยู่ ที่ชอบก็เพราะหนังมันเรียบจนแทบจะไม่มีเนื้อเรื่อง ขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกล้วนๆ ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกที่ว่านี้ยังไงนะ--คือมันเรียบๆ น่ารักๆ เรื่อยๆ มีความรู้สึกแบบกวี และเต็มไปด้วยจินตนาการ ผสมอยู่ตลอดเรื่อง มันเรียบง่าย เพราะเรื่องมันง่ายจริงๆ และไม่ได้พยายามทำให้มันเรียบๆ (แบบคนขี้เก๊กขี้แอ็คอ่ะ) เออหนังเรื่องนี้มีอะไรบางอย่างคล้ายกับหนังของ Yasujiro Ozu แต่ดีกว่า(ใช้คำนี้กับหนังคลาสสิคนั้นเสี่ยงอันตรายมากๆ :P) ในแง่ที่มันเจือด้วยความขี้เล่นและไม่จริงจังขึงขังและมีอารมณ์ขัน--อันนี้เป็นความรู้สึกของผมนะ เออแล้วเพลงประกอบหนังเรื่องนี้น่ารักและเพราะมากๆ ด้วย ตอนไปงานเลี้ยงปีใหม่ของจีเอ็มที่ร้านแฮมล๊อค ถ้าเตรียมตัวทันก็คงจะซื้อดีวีดีเรื่องนี้ไปจับฉลากแหละ ^_^



+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+

5. เกี่ยวกับเพลง--อัลบั้ม Late for the Sky ของ Jackson Browne เป็นอัลบั้มที่ผมชอบมากที่สุด และฟังบ่อยมากๆ ฟังครั้งแรกสมัยเรียนอยู่ชั้นมอสี่ Jackson Browne ออกอัลบั้มนี้ในปี 1974 (ผมเองยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ :P) ผมชอบแทบทุกเพลงในอัลบั้มนี้ รู้สึกว่ามันจะเป็นซีดีเพลงสากลแผ่นแรกๆ ที่ซื้อในชีวิตเลยนะ จำได้ซื้อที่ร้าน One ที่อยู่แถวถนนสุริวงศ์--รู้สึกว่าตอนนี้ร้านนี้จะปิดไปแล้ว ทุกวันนี้สำหรับผม Late for the Sky จึงเป็นมากกว่าเพลง มันเป็นเสมือนสิ่งที่ทำให้เราระลึกถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่เป็นวัยรุ่น

ถ้าใครยังไม่เคยฟังลองเข้าไปฟังดูได้ที่นี่นะ ^_^
http://www.last.fm/music/Jackson+Browne/Late+For+The+Sky



Late for The Sky(1974)--Jackson Browne




ครบ 5 ข้อแล้วนะครับ ^_^

+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+
Book bought:
-
Book read:
-เรื่องตบตา--ปราบดา หยุ่น

3 comments:

Anonymous said...

แอบมาอ่านก่อนอ๋อง
พี่ก็ชอบ The Tase of Tea มากกกกกกกกกกก
ตอนแรกดูเพราะอาซาโน่ แต่พอดูจบ ชอบครอบครัวนี้ทั้งหมด ชอบการเอาความแฟนตาซีของการ์ตูนมาปะปนในหนังด้วย
เทียบกับหนังโอสุ แล้ว เรื่องนี้ตื่นเต้นกว่านะ พี่ดูหนังโอสุ ยังหลับอยู่เลย

เพลงฝรั่ง เพลงแรกที่พี่รู้จักและชอบคือ เพลง Stay ของ Jackson Browne จำชื่อชุดไม่ได้ด้วย ฟังเพราะพี่ชายฟัง ตอนนั้นจำได้ว่ายังเป็นเทปของ Peacock อยู่เลย

คุณมาโนช พุฒตาล แกชอบ Jackson Browne มาก ถึงกับตั้งชื่อบ้านว่า บ้าน Jackson Browne น่ะ

Anonymous said...

ตอนเด็กๆ เราเคยขี่จักรยานเก็บดอกรักตามข้างถนนมาทำพานไหว้ครู เป็นซีนอารมณ์ที่คลาสสิกมากๆ ต้องปั่นจักยานหนีหมาบ้านผู้ใหญ่ ขมุกขมอมแทบตายเพื่อเอาดอกรักไปมอบให้หวานใจทำพาน
เคยปั่นจักรยานไกลที่สุด ก็ตอนที่อยู่เกาะไหหลำที่เมืองจีน คือกระแดะอยากจะค้นหาทางลัด แต่ปั่นแล้วหลง เหนื่อยก็เหนื่อย เงินในกระเป่าก็มีไม่กี่บาท แถมภาษาจีนก็ยังสื่อสารไม่ค่อยได้ ออกจากบ้านบ่ายสอง กว่าจะคลำเจอบ้านก็เกือบทุ่ม เข้าใจซึ้งเลยว่า คำว่าหมาหลงเป็นอย่างไร
ปล...แต่เพื่อนพี่เจ๋งมากว่ะปั่นไปตั้งบางแสน ดีนะสิบล้อแถวบางนาไม่คาบไปเสียก่อนที่จะสร้างตำนาน

the aesthetics of loneliness said...

พี่ขี่จักรยานไม่เป็นหว่ะ เมื่อก่อนอายมาก แต่ตอนนี้ชินแล้ว และคิดว่าไม่เป็นอะไร เพราะไม่คิดว่าจะต้องไปขี่จักรยานที่ไหน