Sunday, January 28, 2007

เสียงเต้นของหัวใจ

2007-01-28


'เสียงเต้นของหัวใจ' เป็นหนังสือเล่มเก่าที่ผมรัก และมักจะนำมาอ่านแล้วอ่านอีกอยู่เสมอ ผมอ่านมันครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2544 หรือเมื่อหกปีที่แล้ว

วัฒน์ วรรลยางกูร จึงเป็นนักเขียนอีกคนที่ผมโปรดปราน ^_^ สำหรับผมงานเขียนความเรียงเล่มนี้ของวัฒน์มีความเป็นกวีสูง อีกทั้งเรียบง่าย และบรรยายความรู้สึกที่เขามีต่อธรรมชาติที่อยู่รอบตัวได้อย่างละเอียดอ่อน

งานเขียนของวัฒน์คล้ายบทเพลงลูกทุ่ง(ที่ตัวเขาเองก็โปรดปราน--และถือได้ว่าเป็นเซียนเพลงประเภทนี้คนหนึ่ง)เต็มไปด้วยบรรยากาศที่สวยงามและเศร้าซึ้ง สนุก แต่ก็ดูจริงใจและเรียบง่าย

บ่ายวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นอีกครั้งที่ผมนำมันออกจากตู้หนังสือเพื่อนอ่านมันอีก นอนคุ้ดคู้อยู่บนเตียง เปิดพัดลมตั้งพื้นให้สายลมพัดแผ่วๆ เปิดหน้าต่างและผ้าม่านในห้อง ให้แสงแดดยามบ่ายและลมได้เข้ามาเยี่ยมเยียน นอนอ่านเล่นๆ นอนอ่านไปเรื่อยๆ นอนจินตนาการถึงบรรยากาศที่แสนเป็นธรรมชาติที่อยู่ในหนังสือ

ของวัฒน์

มีอยู่หลายบทในหนังสือเล่มนี้ที่ผมชอบมากๆ โดยเฉพาะบทที่มีชื่อว่า "เมฆ"--จำได้ว่าตอนได้อ่านครั้งแรก ถึงกับลงทุนพิมพ์มันทั้งบทแล้วส่งเป็นอีเมล์ไปให้เพื่อนๆ อ่าน

มันเริ่มต้นด้วยอะไรอย่างนี้

"การเดินทางของก้อนเมฆเป็นการเดินทางอันน่าตื่นใจ ฟ้ากว้างแต่ทางไม่ไกล ชั่วไม่กี่อึดใจ เมฆก็เดินทางจากขอบฟ้าหนึ่งไปยังอีกฟากฟ้าหนึ่ง ในชั่วไม่กี่อึดใจนั้นได้ผ่านหมู่บ้าน ตลาด ถนน ทุ่งไร่ ทุ่งนา ทิวเขาสลับซับซ้อน ป่ากว้าง แม่น้ำคดเคี้ยว ผ่าน ทะเล มหาสมุทร ข้ามพรมแดนระหว่างประเทศโดยไม่ต้องมีพาสปอร์ตและวีซ่า"

และจบลงด้วย

"บางวันผมเห็นรถบรรทุกสิบล้อสวนทางกับรถบรรทุกวัวและรถปิกอัพของตำรวจ มันเป็นรถสิบล้อที่ปกติใช้บรรทุกพืชไร่เข้าเมือง แต่คราวนี้มันแล่นมุ่งออกจากเมืองตีกรงเหล็กทั้งด้านข้างและด้านบน ภายในกรงเหล็กนั้นแน่นขนัดไปด้วยคน-คน และคน พวกเขายืนเรียงชิดกันอยู่ภายในคอกที่ควรจะเป็นของวัวควาย แต่พวกเขาคือคน ยืนเรียงกันอยู่ที่นั่น แต่ละคนพยายามหันหน้ามองมาทางด้านนอก อาจจะเพื่อรับลมหรือมองดูความเป็นไปสองข้างทาง แน่ละ โดยรวมๆ แล้วสีหน้าและแววตาของพวกเขาดูเศร้า เขาคือคนเถื่อนที่ถูกจับและถูกกักขังครบกำหนดเวลาที่จะต้องถูกส่งกลับประเทศตนกลับไปอย่างไม่รุ้แน่ว่าชะตากรรมข้างหน้าจะเป็นเช่นใดแต่จากข่าวคราวที่ผ่านมาย่อมทำให้รู้สึกขวัญสยอง

จากสีหน้าและแววตาที่ดูเศร้า ในสถานการณ์ที่อับจน แววตาบางคู่ยังส่อแววของความคิดฝัน

แววตาของความคิดฝันนี่เองที่ทำให้คนต่างจากวัว แม้อยู่ในสภาพเดียวกัน คือจับใส่คอกขังบนรถบรรทุก สัญจรมาบนถนนสายเดียวกัน และในสถานะเดียวกัน คือเป็นของเถื่อนลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย

แต่ไม่ใช่แววตาทุกคู่หรอกที่มีแววแห่งความคิดฝัน บางรายก็ไม่ต่างอะไรกับวัว

ในระหว่างรถสิบล้อแล่นไปบนถนน ในนาทีอับจนของคนในคอกขัง แววตาแห่งความคิดฝันของคนเถื่อนบางรายแหงนมองขึ้นไปบนฟ้า เขาแลเห็นเมฆล่องลอยเสรีไร้พรมแดน ไม่ต้องอาวรณ์เรื่องพาสปอร์ตและวีซ่า เขาอยากกลายเป็นเมฆ"


หรือในบทที่เขาพูดถึงปู่และย่าของเขาใน 'ดาวปู่ดาวย่า'

ผมไม่รู้ตัวหรอกว่า ในระหว่างการบ่นด่า การล่อหลอกเพื่อหลีกเลี่ยง หรือการไปส่งข้าวให้ย่าในตอนสายของวันโรงเรียนหยุด มีสิ่งหนึ่งก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ความผูกพันข้องเกี่ยว ความห่วงใย มันก่อตัวขึ้นทั้งที่ไม่มีคำหวานแต่ประการใดเลย สิ่งเหล่านี้มาปรากฎชัดเจนขึ้นในภายหลัง โดยเฉพาะในคราวที่ย่าป่วยหนัก และในคราวที่ผมไปเผาศพย่า

สำหรับผม ถ้าดาวปู่เป็นดาวที่ส่องแสงสวยงามอยู่ไกลๆ ดาวย่าก็เป็นดาวที่อยู่ใกล้ๆ ใกล้เสียจนเข้าใจผิดว่าไม่มีอะไรสวยงาม นอกจากริ้วรอยขรุขระอันแสนจะเป็นจริงและจับต้องได้

จนเวลาผ่านไป เข้าใจชีวิตมากขึ้น จึงมองเห็นคุณค่าของความขรุขระนั้น นี่คือดาวที่ปกติมักหม่นมัวมอมแมมท่ามกลางดาวที่สุกใสดวงอื่น จนกระทั่งฟ้าหม่นมืด และกลืนแสงดาวอื่นเลือนลับไป ดาวมอมแมมนี้ยังอยู่

สว่างพรายและเต้นไหวระริก--เมื่องมองผ่านหยาดน้ำในดวงตา--อยู่ในฟ้าชีวิตอันโศกสวย


ในบางบทเขาพูดถึงแม่น้ำลำคลองที่เขารู้สึกผูกพัน ใน 'สายน้ำแห่งอดีต'

ภาพความจำของผมเกี่ยวกับประตูน้ำ บันทึกผ่านช่วงเวลาประมาณสามสิบปี หากเป็นภาพถ่าย สารเคมีที่ฉาบกระดาษและเนื้อกระดาษเริ่มเสื่อมคุณภาพ เกิดเป็นรอยด่างลบเลือน สีขาวแปรเป็นเหลืองคร่ำคร่า กระนั้นยังรู้สึกได้ว่า ฟองน้ำสาดกระเซ็นตรงช่องประตูระบายน้ำช่างใสสะอาด ชวนให้อยากกระโดดลงไปดำผุดดำว่าย ทั้งที่รู้ว่ามีโอกาสถูกน้ำวนดูดลงไปเป็นเหยื่อกุ้งหอยปูปลา

ในความรู้สึกส่วนลึก ยังหวาดระแวงว่าจะมีมือลึกลับดึงขาเอาไว้ไม่ให้ขึ้นฝั่ง อย่างที่มีคำเล่าลือหลังการจมน้ำตายของใครสักคน

มาถึงปัจจุบันภาพปัจจุบันที่ไม่อยากเก็บไว้ในความทรงจำ แต่มันเป็นภาพสีอย่างดี มีวันเดือนปีเป็นตัวเลขคอมพิวเตอร์อยู่บนภาพ ทันทีที่บานประตูเหล็กถูกไขรอกสูงขึ้นทีละน้อยน้ำไหลลงสู่ด้านใต้ประตูไม่รุนแรงอะไร เพราะน้ำน้อย ทั้งยังหนาแน่นด้วยผักตบชวา น้ำเป็นสีดำคล้ำ ยากจะแยกแยะว่ามันประกอบด้วยสารเคมีอะไรบ้าง ที่แน่ๆ มีพิษร้ายแรงทำให้ปลาลอยตาย ที่ไม่ตายก็มีบาดแผลเหวอะหวะน่ากลัว

ผมอยากให้ภาพนี้เป็นแค่ภาพเสกสรรปั้นแต่งตามประสาของคนเขียนหนังสือขายอย่างผม แต่มันไม่ยอมเป็นเช่นนั้น


บางบทเขาก็บรรยายถึงความรู้สึกที่ต้องห่าง 'บ้าน' ถิ่นฐานที่เขาเกิดและเติบโต

บางคราวดวงดาวอันเป็นดวงตาของท้องฟ้าอาจแลเห็นได้ว่า สายตาของบางคนวาดเวิ้งว้างอยู่บนฟ้ากว้างโดยไม่มีโอกาสได้สัมผัสสายตาของของผู้คนที่เขาผูกพันด้วยเลย สายตาอันน่าเวทนาจะต้องเลือนสลายไป เมื่อเจ้าของดวงตาปล่อยให้น้ำใสเอ่อคลอดวงตา

ทำไมคนเรามักคิดถึงบ้านในเวลาเย็นค่ำ

คงเป็นเพราะมันเป็นเวลาที่คนในครอบครัวพร้อมหน้ากัน

คงเป็นเพราะเวลาค่ำคนเราต้องอยู่คนเดียว เป็นเวลาที่เสียงเต้นของหัวใจดังชัดเจนจนยากจะหลีกหนี มันนำพาเอาหลายสิ่งหลายอย่างตามมา เป็นความคิดถึงห่วงหา ความกังวลห่วงใย ความเจ็บปวดรวดร้าว ความทรงจำที่อยากลืม เหล่านี้ถูกกลบเกลื่อนได้ในเวลากลางวันด้วยการงาน

หรือด้วยการพบปะผู้คน


+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+


เสียงเต้นของหัวใจ
วัฒน์ วรรลยางกูร
Isbn : 9747520982


+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+



ชื่อจริง:
วัฒน์ วรรลยางกูร

ประวัติการศึกษา:
เกิด 12 มกราคม พ.ศ. 2498 ที่จังหวัดลพบุรี จบมัธยมปลายที่โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย แล้วมาศึกษาต่อที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ไม่จบ เพราะต้องเตลิดหนีเข้าป่าด้วยเหตุผลทางการเมือง

ประวัติการทำงาน / ผลงาน:
หลังจากเหตุการณ์บ้านเมืองสงบก็มาทำงานเป็นนักข่าว-นักเขียนประจำหนังสือพิมพ์อธิปัตย์ ธงปฏิวัติ มาตุภูมิรายวัน นิตยสารถนนหนังสือ และ Good Life ตามลำดับ ปัจจุบัน นักเขียนอิสระ และคอลัมนิสต์ประจำมติชนสุดสัปดาห์

รางวัลที่เคยได้รับ:
เกียรติประวัติ ได้รับรางวัลทางวรรณกรรมมากมาย อาทิ ผลงานดีเด่นอันดับที่ ๑ จากรายการถนนนักเขียน ทางสถานีวิทยุยานเกราะ, รางวัลเรื่องสั้นดีเด่นประจำปี พ. ศ. 2525 ของสมาคมภาษาและหนังสือฯ จากเรื่อง “ความฝันวันประหาร”, รางวัลวรรณกรรมไทยบัวหลวง (ชมเชย) ประจำปี พ. ศ. 2533 จากรวมเรื่องสั้น “รถไฟสังกะสีขบวนสอง” ล่าสุด “คีตกวีลูกทุ่ง : ไพบูลย์ บุตรขัน” ได้รับรางวัลชมเชย ประเภทสารคดี ประจำปี พ. ศ. 2542 จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ กรมวิชาการ และด้วยฝีมือการเขียนที่ได้รับการยอมรับว่า “ชั้นเยี่ยม” ทำให้งานเขียนของวัฒน์ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศมากมาย อาทิ บนเส้นลวด (ภาษาญี่ปุ่น) เรื่องสั้น “ลึกในหัวใจแม่” “ก่อนถึงดวงดาว” บทกวี “กล้วยหาย” (ภาษาอังกฤษ) และเรื่องสั้น “สาวน้อยตกน้ำในฤดูหนาว” (ภาษาเยอรมัน)

+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+:+

Books bought:
-Art4d Number 133--Dec 06-Jan 07
-นิตยสารสารคดี ฉบับที่ 263--มกราคม 2550

Book read:
-เสียงเต้นของหัวใจ--วัฒน์ วรรลยางกูร

3 comments:

the aesthetics of loneliness said...

หนังสือดีๆ บางทีก็ถูกปกน่าเกลียดๆ กลบฝังซะมิดดินเลยนะ

Anonymous said...

ชอบการเปรียบเทียบของเขานะ
ไว้จะลองหามาอ่าน

Anonymous said...

เรื่องของพี่วัฒน์ พี่ชอบ บนเส้นลวด
และจิ้งหรีดกับดวงดาวน่ะ
เป็นเรื่องราวความรักเล็กๆ ที่น่ารักดี
หนังสือเล่มเอกของเขา "ลูกพ่อคนหนึ่งถากไม้เหมือนหมาเลีย " พี่ว่าจะหามาอ่านเสียที
ชอบชื่อจัง